วิธีลงทะเบียนค่าไฟเพื่อรับส่วนลดค่าไฟ พร้อมอัพเดทวิธีตรวจสอบส่วนลดค่าไฟฟ้า

การลงทะเบียนค่าไฟ กับเงื่อนไขและขั้นตอนรับสิทธิ์เมื่อมีการลงทะเบียนออนไลน์แล้ว 2024

การลงทะเบียนค่าไฟ จะเป็นโครงการช่วยเหลือสำหรับกลุ่มประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการช่วยเหลือเป็นส่วนลดค่าไฟ ซึ่งจะให้มีระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึง กันยายน 2567โดยจำเป็นจะต้องมีการลงทะเบียนส่วนลดค่าไฟฟ้า จึงจะได้รับสิทธิ์เงินลดค่าไฟ หรือเป็นการลงทะเบียนไฟฟ้าฟรี 

รีวิว ลงทะเบียนค่าไฟ เป็นส่วนลดค่าไฟกับคุณสมบัติในการลงทะเบียน 2024

ลงทะเบียนค่าไฟ กับเงื่อนไขการลงทะเบียน

สำหรับการลงทะเบียนค่าไฟ เพื่อใช้เป็นส่วนลดฟรีสำหรับการใช้ค่าไฟได้โดยที่ไม่ต้องจ่าย เพียงจะต้องทำตามเงื่อนไขของมาตรการรัฐบาลสำหรับผู้ที่บัตรคนจน

  1. สำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดค่าไฟจะต้องเป็นผู้ที่มีบัตรคนจนโดยจะได้ทั้งรายเดิม และรายใหม่ แต่จะต้องได้เพียง 1 มิเตอร์ไฟ ต่อ 1 หมายเลขบัตร
  2. ในการลงทะเบียนค่าไฟ จะได้เป็นส่วนลดค่าไฟ จำนวนเงิน 315 บาท แต่หากเกินไปจากนี้ในเดือนนั้นจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ
  3. ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าผ่านแอพการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแบบเต็มจำนวนในใบแจ้งค่าไฟฟ้า จากนั้นกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินคืนในเดือนถัดไป
  4. ผู้ลงทะเบียนส่วนลดค่าไฟฟ้าฟรีจะต้องใช้ไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน หากเกินก็จะไม่ได้รับสิทธิตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนนั้น
  5. สำหรับประชาชนที่ถือบัตรคนจนจะต้องลงทะเบียนผ่านช่องทางที่กำหนด และจะต้องให้ข้อมูลอย่างถูกต้องเท่านั้น

ลงทะเบียนค่าไฟ กับวิธีตรวจสอบส่วนลดค่าไฟฟ้า

สำหรับวิธีตรวจสอบส่วนลดค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านสามารถจะเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของการไฟฟ้าโดยจะต้องมีการใส่ข้อมูลเพื่อทำการตรวจสอบออนไลน์ ด้วยการใส่บัญชีแสดงสัญญาและรหัสเครื่องวัด เมื่อมีการลงทะเบียนค่าไฟเป็นระยะเวลานานถึง 1 ปีด้วยกัน และจะต้องการตรวจสอบก็จะมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

  1. วิธีตรวจสอบส่วนลดค่าไฟฟ้าโดยการเข้าเว็บไซต์ของการไฟฟ้า
  2. จากนั้นให้ทำการกรอกบัญชีแสดงสัญญา 9 หลัก และกรอกรหัสเครื่องวัด 8 หลัก
  3. ขั้นตอนต่อไปให้คลิกเครื่องหมายตกลงยินยอมและยอมรับเงื่อนไขการตรวจสอบข้อมูลค่าไฟฟ้าตามมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย
  4. จากนั้นเว็บไซต์ของการไฟฟ้าจะให้มาการแสดงหน้าสรุปการใช้ไฟฟ้าขึ้นมาให้พิจารณาโดยจะมี รอบการใช้ไฟฟ้าต่อเดือน, จำนวนค่าไฟฟ้า, จำนวนส่วนลดค่าไฟตามมาตรการของรัฐบาล, ยอดรวมค่าไฟฟ้าและรวมไปถึงจำนวนเงินรวมที่ต้องชำระในเดือนนั้น ๆ  

ลงทะเบียนค่าไฟ กับข้อดีของลงทะเบียนส่วนลดค่าไฟฟ้า

สำหรับประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นที่รู้กันแล้วว่าจะเป็นบุคคลที่มีรายได้น้อย สำหรับเงื่อนไขในการลงทะเบียนแบบเดิมคือจะต้องมีรายได้ส่วนบุคคลไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีจึงจะมีสิทธิ์ได้ถือบัตรคนจน และจะได้เงินช่วยเหลือกรณีต่าง ๆ ที่มีมาตรการของรัฐบาลออกมา ซึ่งนอกจากจะให้ลงทะเบียนค่าไฟ เพื่อจะได้เป็นส่วนลดค่าไฟ ซึ่งจะมีกำหนดว่าจะต้องใช้ได้ไม่เกินจำนวนเท่าไหร่ หากเกินก็จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าในเดือนนั้น ๆ โดยการลงทะเบียนนี้จะให้การช่วยเหลือเป็นระยะยาวไปจนถึง กันยายน 2567

นอกจากการลงทะเบียนค่าไฟ ยังมีเงินช่วยเหลืออื่นอีกไหม

นอกจากการลงทะเบียนค่าไฟ ก็ยังมีในส่วนของส่วนลดค่าน้ำอีกด้วยสำหรับคนที่มีบัตรคนจน และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ อีกที่จะต้องใช้ได้กับร้านค้าสวัสดิการเท่านั้น 

  1. จะได้รับส่วนลดค่าน้ำประปา ได้ไม่เกิน 100 บาทตามจำนวนที่ใช้ไปจริง และหากเกินก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลืออีกเล่นกัน
  2. จะได้วงเงินเพื่อใช้ในการซื้อสินค้า 700-800 บาทต่อเดือน ซึ่งจะได้เป็นปกติอยู่แล้วทุกเดือน
  3. เมื่อลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิ์ใช้บัตรคนจนจะได้ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทโดยจะได้ 3 เดือนต่อครั้ง
  4. ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ก็จะมีเป็นค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทและค่าโดยสารรถไฟฟ้า ขสมก./ MRT/ BTS และ ARL 500 บาท ทั้งหมดจะได้ใช้ต่อเดือน ซึ่งก็จะได้รับเป็นเงินเข้าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถจะเบิกถอนออกมาเป็นเงินสดได้

ลงทะเบียนค่าไฟ ทำไมจึงได้เฉพาะกับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น

หลายคนก็จะรู้อยู่แล้วว่า ผู้ที่ถือบัตรคนจนจะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยอยู่ซึ่งแน่นอนเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ก็คงไม่ได้มีเยอะมากมายเหมือนกลุ่มคนที่มีรายต่อเดือนเยอะ ๆ และเพื่อที่จะได้รับเงินช่วยเหลือก็จะต้องมีการลงทะเบียนส่วนลดค่าไฟฟ้า ซึ่งจะได้รับสิทธิ์ทั้งผู้ถือบัตรคนจนรายเดิม และรายใหม่ โดยการลงทะเบียนค่าไฟ ก็จะใช้มาตรการหรือเงื่อนไขการรับส่วนลดค่าไฟเหมือนกัน

ดังนั้น การลงทะเบียนค่าไฟ ถือว่าจะเป็นการได้รับการเยียวยาช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งจะต้องมีบัตรคนจน หรือแม้แต่การลงทะเบียนใหม่ ก็จะได้รับสิทธิ์ได้ลงทะเบียนไฟฟ้าฟรี ซึ่งเป็นระยะเวลาหลายเดือน และจะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องจริง ๆ อีกทั้งยังช่วยให้มีการใช้ไฟฟ้าอยางประหยัด เพราะหากใช้เกินมากกว่า 50 หน่วยก็จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าในเดือนนั้นไป ซึ่งก็จะต้องออกเอง สำหรับคนที่ได้รับสิทธิ์เงินส่วนลดค่าไฟก็จะต้องสำรองจ่ายออกไปก่อน แล้วจึงจะได้รับคืนภายในเดือนถัดไปหากการตรวจสอบแล้วว่าไม่ได้มีการใช้ไฟเกิน